ในแต่ละประเทศก็จะมีตราสัญลักษณ์แห่งแผ่นดินที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับแผ่นดินไทยของเราตราสัญลักษณ์ก็คือ พญาครุฑ ที่เรามักจะเห็นตามจดหมายราชการนั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนสักการะนับถืออีกต่างหาก ประวัติความเป็นมาของพวกเขาเองก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ในวันนี้ Lottosod96 จะพาทุกคนไปดูกันว่าพวกเขาคือใครและมีเรื่องเล่าเอาไว้ว่าอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย
ทำความรู้จักกับพญาครุฑ สัญลักษณ์ประจำแผ่นดินของประเทศเรา

พญาครุฑจัดเป็นสัตว์ป่าหิมพานต์ที่ไม่ใช่สัตว์ธรรมดาสามัญทั่วไปแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีสถานะกึ่งเทพเจ้าที่มีกายสิทธิ์เป็นอมตะไม่แก่ไม่ตายอีกด้วย มีอำนาจที่เทียบเท่ากับพระผู้เป็นเจ้า และนับเป็นหนึ่งในยานพาหนะของพระนารายณ์อีกต่างหาก มีความเชื่อว่าหากใครได้บูชาหรือนำเอาสัญลักษณ์ของพวกเขาไปติดเอาไว้ ก็จะทำให้อาถรรพ์เสื่อมคลายหายไป เนื่องจากเชื่อว่าพวกเขาใช้ล้างอาถรรพ์ได้เป็นอย่างดีและมีผู้คนเคารพบูชาเปรียบเสมือนกับตัวแทนของประมุขอีกด้วย ใครที่บูชาเอาไว้ก็จะได้รับอานิสงส์ด้านอำนาจบารมี มีความเจริญก้าวหน้าทั้งกับตนเองและครอบครัว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัยไม่เว้นแม้แต่ในปัจจุบัน

มีตำนานเล่าขานกันว่า พวกเขานั้นมีบิดาคนเดียวกับพญานาคผู้เป็นเจ้าแห่งบาดาลนั่นก็คือ ฤาษีกัสสาวะเทพบิดร เพียงแต่มีต่างมารดากัน โดยแม่ของพวกเขาเป็นภรรยาหลวงส่วนแม่ของนาคนั้นเป็นภรรยารอง ด้วยความที่ภรรยาทั้งสองไม่ถูกชะตากันจึงมีเรื่องมาโดยตลอดและมาจนถึงรุ่นลูก พวกเขาและนาคจึงไม่ถูกกันนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา พวกเขามีวิมานทิพย์อยู่บริเวณเชิงเขาไกรลาส กล่าวว่ามีอีกนามหนึ่งว่าท้าวเทพสุบรรณหรือเท้าเวนไตย
ร่างกายของพวกเขาจะเป็นสีทองอร่าม และจะขยายใหญ่โตจนถึงท้องฟ้า เมื่อกะพริบตาจะเหมือนกับฟ้าแลบ เมื่อไหร่ก็ตามที่ขยับปีกทั่วทั้งขุนเขาจะต้องตกใจและรีบหนีไป มีรัศมีพวยพุ่งออกจากร่างกายสว่างไสวอย่างอัศจรรย์ เหมือนไฟไหม้ไปทั่วทุกทิศแม้แต่เทพก็ยังต้องตกใจ ครึ่งบนร่างกายคล้ายกับมนุษย์ ครึ่งล่างจะคล้ายกับนก มีปีก มีหาง ขาและเท้าเหมือนกับของนก มีจะงอยปากและเล็บเหมือนกับพญาอินทรี มีฤทธิ์เดชอำนาจเหนือบรรดาพวกเดียวกัน อาศัยอยู่ตามต้นงิ้ว มีอาหารที่เป็นน้ำดอกไม้และผลงิ้ว
เมื่อรุ่นลูกโตขึ้นก็จะนับอายุตามขั้นขึ้นในข้างแรมของปฏิทินจันทรคติ จะเติบโตจากบุญกุศลที่เคยทำมา หากมีบุญญาธิการอำนาจบุญก็จะก่อให้เกิดน้ำหวานจากดอกไม้และผลงิ้วทิพย์ ที่สามารถบำรุงบำเรอตนนั้นได้เป็นพิเศษ ช่วยให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขานับเป็นสัตว์ผสมโอปปาติกะ เรียกได้ว่าเป็นชาวลับแลที่ต้องเคยมีบุญร่วมกันเท่านั้นจึงจะสามารถเห็นพวกเขาได้

พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเจริญรุ่งเรือง เชื่อกันว่าเด็กแรกเกิดที่มีปากคล้ายกับพวกเขาจัดเป็นคนที่มีบุญญาธิการ เติบโตไปข้างหน้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต มีอำนาจแบ่งออกได้ทั้งหมด 8 ข้อประกอบไปด้วย
– มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่และสิทธิ์เด็ดขาด
– ลบล้างได้ทั้งคุณไสยและอาถรรพ์
– ภูตผีปีศาจเกรงกลัว
– นำพามาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและยศถาบรรดาศักดิ์
– ช่วยปกป้องคุ้มครอง
– เพิ่มเมตตามหานิยม ทำให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
– ทำมาค้าขายดีมีโชค
– สัตว์ร้ายงูเงี้ยวเขี้ยวขออสรพิษไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะเกรงบารมี
ในยุคโบราณมีการนำเอาพวกเขาไปใช้เป็นยันต์ที่ช่วยเพิ่มความคงกระพันชาตรีเวลาจะออกรบ มีนะที่ลงบริเวณกลางหน้าผากเพื่อช่วยกันสัตว์มีพิษและช่วยเพิ่มความทรหดอดทน ไปไหนมาไหนทำอะไรก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ช่วยให้มีวิชาตัวเบาที่สามารถเพิ่มข้อได้เปรียบในการออกรบทัพจับศึกได้เป็นอย่างดี
เพราะเหตุใดพญาครุฑจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ประจำแผ่นดินไทย

หากดูหนังสือราชการคุณคงเห็นมีตราพญาครุฑที่ด้านบนของเอกสารอยู่เสมอ เพราะพวกเขานั้นเป็นสัญลักษณ์ประจำแผ่นดินไทยนั่นเอง ต้องย้อนกลับไปในยุคสุโขทัยที่ประเทศไทยของเรานั้น ได้รับอิทธิพลจากอาณาจักรขอมมาเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็คือการยกกษัตริย์เปรียบเสมือนกับสมมติเทพ เป็นองค์นารายณ์ที่จุติลงมาอวตารเพื่อปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำเอาพวกเขามาใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำแผ่นดิน เนื่องจากมีการเล่าขานกันว่า
ครั้งหนึ่งเขานั้นเคยไปลองดีกับพระนารายณ์ มหาเทพของศาสนาพราหมณ์ การรบกันของทั้งสองนั้นกลายเป็นที่สนใจไปทั่วทั้ง 3 โลก เขาพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถหาผู้แพ้ชนะได้สำเร็จ ด้วยเหตุนี้จึงมีการทำข้อตกลงให้รบเสมอกัน พระนารายณ์อนุญาตให้เขาสามารถขึ้นอยู่เหนือเศียรของตนได้ ในขณะเดียวกันเองเขาก็ยินยอมให้พระนารายณ์สามารถใช้ตนเองเป็นพาหนะไปไหนมาไหนได้เช่นเดียวกัน
สำหรับประเทศไทยที่ในอดีตมองว่า กษัตริย์เป็นพระนารายณ์จึงใช้ยานพาหนะของพระนารายณ์ อย่างพญาครุฑมาเป็นสัญลักษณ์ประจำแผ่นดินนั่นเอง เชื่อกันว่าข้าราชการผู้ใดที่เคารพนับถือและทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต ก็จะเจริญก้าวหน้าทั้งชีวิตและหน้าที่การงาน ชีวิตมีความสุข ไม่พบกับความทุกข์และคุณไสยก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ ไม่มีวันอับจน เป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญและสูงส่ง ดังนั้นจึงไม่มีใครเหยียบย่ำหรือเดินข้าม ไม่นำเอาไปไว้บริเวณปลายเท้าเพราะนับเป็นของศักดิ์สิทธิ์